5 เมืองเหมาะจะใช้หลบภัยเมือวันสิ้นโลกมาถึง

ปัจจุบันอะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ
ยิ่งในยุคสมัยที่ประวัติศาสตร์ดำเนินรวดเร็วยิ่งนัก ไม่รู้ว่าวันไหนจะเกิดสงคราม
นิวเคลียร์จะบินว่อนบอนหัว หรือ โรคระบาด ตอนไหน
แต่เมื่อเวลามาถึงเราคงต้องหาที่ปลอดภัยสักทีเพื่ออยู่รอด
ทาง Z-world ได้รวบรวมเมืองต่างๆ ที่สื่อยกให้ว่าเหมาะแก่การอพยพไปอยู่เมื่อโลกไกล้ถึงคราวล่มสลาย
ไอซ์แลนด์

ดินแดงแห่งแสงเหนือเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวที่สุดในยุโรป ทั้งยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติคงเหลืออยู่มากมาย
ชายฝั่งมีอาหารทะเลให้กินมากที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีระบบการเงินที่มั่นคงมาก
วิกฤตการเงินไม่อาจทำอะไรที่เกาะแห่งนี้ได้
เกาะกวม

ดินแดนในมหาสมุทรแฟซิฟิค ที่อยู่ใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกา
นอกจากภูมิศาสตร์ที่ห่างไกลยากต่อการรุกรานแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของกองทัพสหรัฐฯขนาดใหญ่
ที่หากเกิดสงครามโลกครั้งที่สามขึ้น ฝ่ายรัสเซียไม่กล้าบุกเข้ามาแน่นอน
แล้วก็ไม่รู้จะบุกมาทำใมด้วย
เบิร์น

เมืองศูนย์กลางของประเทศสวิตซแลนด์
ประเทศที่เป็นกลางทางการเมืองระหว่างประเทศ ยังถูกใช่เป็นศูนย์กลางขององค์กรระหว่างประเทศมากมาย
ดูจะปลอดภัยจากสงครามความขัดแย่งทั้งหลายทั้งปวง อากาศบริสุทธิ์มีเทือกเขาเอลป์ล้อมรอบเคยป้องกันจากการบุกทางภาคพื้น
ยูคอน

เมืองทางฝั่งตะวันตกที่สุดของประเทศแคนนาดาอันกว่าใหญ่ บริเวณนั้นมีความเป็นเอกเทศน์ทางเศรษฐกิจสูง
ไม่ค่อยพึ่งพาเศรษฐกิจจากส่วนกลางเสียเท่าไหร่ ทำให้มีความมั่นคงที่สูงเมื่อโลกล่มสลายลง
พื้นที่ห่างใกลแห่งนี้ดูจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ชีวิตสามารถดำเนินต่อไปได้ พร้อมทั้งยังมีทรัพยากรมากมาย
อย่างพืชพันธุ์สัตว์ป่า หรือแร่ธาตุต่างๆอย่างเหล็ก แม่น้ำหลายสาย เหมาะสมที่จะเป็นจะสร้างอารยธรรมของมนุษย์ชาติขึ้นมาใหม่
เชียงใหม่

อ่านไม่ผิดครับ เชียงใหม่ภาคเหนือไทยแลนด์เรานี้ละ ที่มีหลายสื่อยกขึ้นมาว่าเหมาะกับการอยู่รอด
ถึงแม้สำหรับเราจะติดภาพไปทางเมืองแห่งหมอกควัน ทั้งยังมีผ่านดินไหวด้วย
แต่ทางต่างประเทศมองว่าเป็นเมืองที่ล้อมรวบด้วยภูเขา เหมาะแก่การอาศัยอยู่
แต่เอาเข้าจริงๆแล้วที่เขายกเชียงให่ขึ้นมา เพราะว่ามี Marc Faber มหาเศรษฐีนักลงทุนอาศัยอยู่
ตา Marc แกเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้ายสุดๆ
ชอบออกมาเตือนว่าอย่างนั้นอย่างนี้จะพังล่มสลายลง อย่างเคยบอกงานดอลล่าร์จะมีค่าเท่ากระดาษเช็ดก้น
เลยมองกันถ้าเขาเลือกมาใช้ชีวิตที่เชียงใหม่มันต้องมีอะไรดีบ้างละ