เปิดตัวโครงการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านพลังงานสะอาดระดับภูมิภาค
องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ ร่วมกับ CalCEF (California Clean Energy Fund) ผสานความร่วมมือระดับภูมิภาค เปิดตัวโครงการพัฒนาระบบนิเวศด้านพลังงานที่ยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Nexus SEA) ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน "พลังงานอัจฉริยะ" ที่มุ่งลงทุนและเชื่อมต่อกับหน่วยงานผู้บ่มเพาะ (incubator) ให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพด้านพลังงานอัจฉริยะทั่วทั้งภูมิภาค โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก GIZ และมูลนิธิ The David and Lucile Packard
"ด้วยการรวบรวมความคิด ธุรกิจสตาร์ทอัพ พันธมิตรด้านการดำเนินงาน และผู้ให้ทุนสนับสนุนเข้าสู่แพลตฟอร์มหนึ่งเดียวในระดับภูมิภาค โครงการ Nexus SEA จึงกำลังก้าวสู่การสร้างระบบนิเวศด้านพลังงานอัจฉริยะให้เกิดขึ้นจริง" Hendrik Tiesinga ผู้จัดการโครงการ Nexus SEA จาก CalCEF กล่าว
จากข้อมูลขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นอีกสองในสามส่วนนับจากนี้ไปจนถึง พ.ศ. 2583 เมื่อความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น การบริโภคเชื้อเพลิงจากฟอสซิลก็จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป เว้นแต่จะมีการหันมาใช้โซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งโครงการ Nexus SEA เองจะเข้ามาเร่งผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดมาใช้และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการด้านพลังงานอัจฉริยะรุ่นใหม่
พลังงานอัจฉริยะย่อมดีกว่า
แม้ว่าเทคโนโลยีด้านพลังงานอัจฉริยะจะได้รับการทดสอบและใช้งานมาแล้วทั่วโลก แต่ตลาดการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น นวัตกรรมใหม่ที่สร้างสรรค์ อาทิ รูปแบบการตอบสนองความต้องการทางไฟฟ้า การซื้อขายพลังงานที่มีฐานข้อมูลแบบบล็อกเชน ซอฟต์แวร์การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานแสงอาทิตย์ สมาร์ทกริด เทคโนโลยียานพาหนะไฟฟ้าสู่ระบบกริด จะเข้ามากระตุ้นให้มีการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและมีประสิทธิภาพในวงกว้าง
ด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานผู้บ่มเพาะท้องถิ่นในประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ประกอบกับการนำองค์ความรู้ ประโยชน์ และประสบการณ์ในการสร้างระบบนิเวศพลังงานอัจฉริยะจากเครือข่ายผู้มีบทบาทด้านพลังงานทั่วโลกมาปรับใช้ โครงการ Nexus SEA จะสามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน "พลังงานอัจฉริยะ" ผ่านการให้บริการธุรกิจ เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน และการสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรท้องถิ่นในทุกระดับของภาคพลังงาน
เตรียมเดินหน้าเต็มกำลัง
“หลังจากสำรวจพื้นที่และวิเคราะห์ธุรกิจมาตลอด 3 เดือน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะผนึกกำลังความร่วมมือกับหน่วยงานผู้บ่มเพาะชั้นนำ 2 รายในประเทศไทยและอินโดนีเซียที่กำลังดำเนินโครงการสตาร์ทอัพอยู่ ณ ขณะนี้ และมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพด้านพลังงานอัจฉริยะ" Thomas Chrometzka ผู้อำนวยการด้านพลังงานทดแทนจาก GIZ ประเทศไทยกล่าว
ในประเทศไทย องค์กร KX Made ได้รับเลือกให้เป็นหน่วยงานพันธมิตรผู้บ่มเพาะของโครงการ Nexus SEA เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งผลักดันผู้ประกอบการ รัฐบาล ผู้นำธุรกิจ และมหาวิทยาลัยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม KX Made ตั้งอยู่ที่อาคารเคเอกซ์ (Knowledge Exchange for Innovation Center) สูง 20 ชั้นในกรุงเทพฯ มีพื้นที่ทำงานและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่กว่า 28,000 ตารางเมตร โดยได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
"การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี นโยบาย และรูปแบบธุรกิจถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ประกอบการ ธุรกิจสตาร์ทอัพ และนักลงทุนในสาขาพลังงานอัจฉริยะและเทคโนโลยีสะอาด โครงการ Nexus SEA จะกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและเริ่มปฏิวัติพลังงานนี้ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "- Kris Chinosorn ประธานบริหารของ KX Made
ในอินโดนีเซีย Digitaraya ได้รับเลือกให้เป็นหน่วยงานพันธมิตรผู้บ่มเพาะของโครงการ Nexus SEA เนื่องจากเป็นองค์กรที่มีโปรแกรมสตาร์ทอัพและประสบการณ์ในการสร้างระบบนิเวศที่หลากหลาย Digitaraya เป็นผู้ดำเนินโครงการต่างๆ เช่น 1000 Digital Startups Google Development Group (GDG) และ FemaleDev ทั้งยังทำงานใกล้ชิดกับ Google มหาวิทยาลัย Gadjah Mada ธนาคาร Bukopin Telkomsel และกระทรวงสารสนเทศและเทคโนโลยี
"Digitaraya มุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของอินโดนีเซีย ผู้หลงใหลในการสร้างโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความท้าทายเร่งด่วนที่สุดของอินโดนีเซีย ในฐานะที่เป็นแหล่งตลาดพลังงานที่ใหญ่ที่สุดและมีความหลากหลายมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเซียอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นพลังงานอัจฉริยะในระดับภูมิภาค" - Nicole Yap รองประธานฝ่ายยุทธศาสตร์และการพัฒนาธุรกิจของ Digitaraya
หน่วยงานพันธมิตรผู้บ่มเพาะของโครงการ Nexus SEA จะดำเนินการตามแนวทางที่มี 3 ระยะ โดยรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักจากชุมชนธุรกิจสตาร์ทอัพ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ผู้สนับสนุนองค์กร และรัฐบาล มาสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพด้านพลังงานอัจฉริยะที่จะแก้ไขปัญหาด้านพลังงานในภูมิภาคร่วมกัน
ก้าวต่อไป
โครงการ Nexus SEA เป็นโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ถูกออกแบบมาเพื่อให้หน่วยงานพันธมิตรผู้บ่มเพาะในภูมิภาคสามารถสร้างและปรับขนาดของธุรกิจสตาร์ทอัพด้านพลังงานอัจฉริยะได้ ในพ.ศ. 2563 โครงการ Nexus SEA มีเป้าหมายสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการจำนวน 1,000 ราย บ่มเพาะทีมผู้ประกอบการ 100 ทีม เป็นพันธมิตรกับหน่วยงานผู้บ่มเพาะ 10 ราย และทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคผู้นำของโลก ผู้ประกอบการและหน่วยงานผู้บ่มเพาะที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nexusea.co