บทสัมภาษณ์ ‘Harald Welzer’ ภาวะโลกร้อนจะนำเราไปสู่สงครามแห่งทศวรรษ
วิกฤตความขัดแย้งที่โลกยุคใหม่ที่สังคมโลกต้องเผชิญ เป็นเหตุให้ผู้อพยพกระจายไปทั่วโลกเพื่อหนีความขัดแย้งที่จบลงด้วยการหันหน้าเข้าประหัตประหารกัน
เมื่อมองเพ่งมองไปยังสาเหตุความขัดแย้งนั้นอย่างแท้จริงแล้ว
ไม่ได้เป็นแค่เรื่องระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น ยังมีปัจจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเข้าไปเป็นตัวขับเคลื่อนความขัดแย้งนั้นด้วย
ยิ่งในยุคสมัยที่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์นั้นได้ทำลายสภาพแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย
ๆ ทรัพยากรพื้นฐานที่ลดน้อยลงจะนำเราไปสู่การเผชิญหน้ากันเอง
Harald Welzer ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Flensburg ประเทศเยอรมนีผู้เขียนหนังสือ “Climate Wars: Why
People Will Be Killed in the 21st Century” (สงครามภูมิอากาศ:
เหตุผลที่ผู้คนจะถูกฆ่าในศตวรรษ 21) ได้ให้สัมภาษณ์กับ Sean Illingจาก เว็บไซต์
vox.com ถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกับความขัดแย้งของโลก
ทางกองบรรณาธิการ Z-World เห็นถึงความน่าสนใจ
จึงถือโอกาสนำบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาแปลและเรียบเรียงสู่ผู้อ่าน
Harald Welzer ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย
Flensburg (ที่มาภาพ: wikimedia.org)
Sean Illing: การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกับความขัดแย้งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
Harald
Welzer: หลักการง่าย ๆ เลย คือมันเป็นเรื่องปกติที่ความรุนแรงจากความขัดแย้ง (violent
conflict) จะมีสูงขึ้น เมื่อภาวะการอยู่รอดของกลุ่มคนถูกคุกคาม
คำถามของผมก็คือถ้านักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยเกี่ยวภาวะโลกร้อน สิ่งพวกเขาพูดนั้นถูกหรือไกล้เคียงความจริงเกี่ยวภาวะโลกร้อน
หมายความว่ามันคือเป็นไปได้อย่างสูงที่จะมีเกิดความรุนแรงจากความขัดแย้ง และผมคิดว่าคำตอบของคำถามนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่
คุณจะเห็น ความรุนแรงจากความขัดแย้งเหล่านั้น
เมื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน อย่างความขัดแย้งแย่งชิงที่ดินจากปัญหาการขยายตัวของทะเลทราย
หรือความขัดแย้งด้านทรัพยากรหลาย ๆ อย่างที่มีให้เห็นบ่อยครั้งทั่วโลก สำคัญคือมันทำให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและความขัดแย้ง
ที่มีสาเหตุความเป็นมาที่เกี่ยวโยงกันโดยตรง
Sean Illing: อะไรคือตัวแปรสำคัญที่บงชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จะเป็นสาเหตุสำคัญของความของความรุนแรง
Harald
Welzer: เรามีตัวอย่างที่สำคัญอย่าง “Darfur conflict”
(ความขัดแย้งในดาฟูร์ประเทศซูดาน) เพราะจะเห็นได้ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อกลุ่มต่าง
ๆ อย่างผู้เลี้ยงสัตว์หรือชาวมา ต้องลุกขึ้นต่อสู่กันเพื่อแหล่งทรัพยากรที่มีจำกัด
เมื่อที่ดินสูญหายไป (จากการขยายตัวของทะเลทราย) ทำให้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่กลับไม่มีสถาบันที่สามารถเป็นตัวกลางจัดการความขัดแย้งได้
ยังมีงานศึกษาอีกหลายชิ้นที่ชี้ไปทางที่ว่าการเกิด อาหรับสปริง
มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
สืบเนื่องจาการพุ่งสูงขึ้นของราคาอาหารและข้าวของต่าง ๆ โดยผลกระทบจากการเปลี่ยนสภาพอากาศ
แต่ต้องย้ำกันอีก เราไม่สามารถเอาจับเอางานวิจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมาโยงเข้ากับงานศึกษาเกี่ยวกับความขัดแย้งได้เสมอไป
มันจึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผมต้องเขียนหนังสือเริ่มนี้
Sean Illing: แต่ก็มีรายงานบางชิ้นที่บอกว่าไม่มีหลักฐานที่แข็งแรงพอที่จะบอกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศส่งผลโดยตรงกับความขัดแย้ง
Harald
Welzer: นักวิจัยที่ละเอียดรอบครอบหลายคนจะบอกว่า “อาจจะบอกว่ามันมีความเกี่ยวโยงกันอยู่บ้างระหว่างการเปลี่ยนสภาพอากาศและความขัดแย้ง
แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันโดยตรง” มันไม่เคยหรือแทบจะไม่เคยเกี่ยวข้องกันโดยตรงกันเลยเมื่อเราพูดกันแต่เรื่องของมนุษย์
ซึ่งจริง ๆ แล้วมันมีปัจจัยมากมายหลากหลายมากกว่าเพียงเรื่องของมนุษย์ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยวิถีที่ต่างกันออกไป
มันซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะทำความเข้าใจมัน
กลุ่มผู้ลี้ภัยจากการเปลี่ยนแปลงสถาพอากาศจะนำมาสู่การสังคมที่ยุ่งเหยิงและความรุนแรงจากความขัดแย้ง
ผมคิดว่าจะปรากฎการณ์นี้ชัดเจนขึ้นในทศวรรษข้างหน้า คุณสามารถเห็นได้แล้วในยุโรปที่
เกิดลัทธิชาติภูมินิยมและความเกลียดกลัวชาวต่างชาติขยายตัวมากขึ้น แล้วเราก็จะพูดถึงเรื่องสร้างกำแพงที่ชายแดนบ่อยครั้งขึ้น
สิ่งเหล่านี้ดำรงอยู่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ แต่สิ่งเหล้านี้ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนภาพอากาศเช่นกัน
โดยเฉพาะกระแสการเคลื่อนถิ่นฐาน ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นตัวเร่งและเชื้อเพลิ่งที่จุดให้กระแสนั้นดำเนินไปทั่วโลก
นั้นเป็นอะไรที่ผมกังวลใจ สภาพความเป็นอยู่ของเราที่เริ่มสั่นคลอนหนักขึ้นเรื่อย ๆ
คุณจะได้เห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวดันผิวโลกลูกโปร่งการเมืองของเรา นำไปสู่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น
Sean Illing: “เราไม่เคยออกห่างจากความรุนแรง”
ภาพของโลกในอนาคตที่คุณอ้างถึง ไม่ใช่ภาพที่ความขัดแย้งเป็นเรื่องอุดมการณ์หรืออุดมคติ
แต่เป็นภาพของการต่อสู้เพื่อแย่งชิงทรัพยากรพื้นฐาน
Harald
Welzer: ใช่ ผมคิดว่านี้คือจุดสำคัญ อุดมการณ์มักจะเป็นเพียงเหตุผลผิวเผินของความขัดแย้ง
ผู้คนจะมาพร้อมกับการแสดงถึงเหตุผลกับสิ่งที่เขาได้ทำในโลกของการเมือง
แต่ถ้ามองลึกลงไปในต้นต้อของความขัดแย่งในอนาคต คุณจะได้เห็นความขัดแย้งในทรัพยกรพื้นฐานในก้นบึงทั้งหมดของมัน
ผมมีความเชื่อว่าเราจะได้เห็นยุคเรเนอซองของความรุนแรงจากความขัดแย้ง
ในศตวรรษที่ 21 นี้ และหลายความขัดแย้งจะผุดขึ้นพร้อมกันกับการเปลี่ยนแปลงสถาพอากาศ
ซึ่งยากที่จะคาดเดาระดับของความรุนแรงของ
ที่ที่มันจะอุบัติขึ้นหรือเมื่อไหร่มันจะมาถึง
แต่เราบบอกได้อย่างมั้นใจว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นจะเป็นส่วนนำคัญของโลกในการลดทอนการเห็นใจสิ่งกันและกันของมนุษย์
และสิงที่จะตามมาคือการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตและที่อยู่อาศัยของเรา
Sean Illing: จากในหนังสือคุณชี้ให้เห็นว่าเราเชื่อในความมนุษย์และให้ความศรัทธาในเหตุผลและกฎหมายมากเกินไป
ในความคิดของคุณอารยธรรมของเราเปราะบางขนาดไหน มันง่ายขนาดไหนที่มันจะพังลง
Harald
Welzer: เมื่อใส่มุมมองทางสังคมวิทยาลงไป
มันมีความเป็นไปได้เสมอว่าการใช้ความรุนแรงเป็นสัจจะธรรมของชีวิตมนุษย์
ดังนั้นความรุนแรงไม่เคยไปไหนมันอยู่ที่นี้ตอนนี้ในรูปแบบต่าง ๆ เสมอมา แต่ถ้าเรามีความขัดแย้งด้านทรัพยากรที่สูงขึ้นหรือความตึงเครียดอื่นๆที่ข้องเกี่ยวกับความรุนแรง
เราก็จึงได้แต่คาดหวังงว่าจะมีสิ่งที่จะมาขัดขวางความขัดแย้งนั้น
และมันไม่ใช่แค่เรื่องความเปราะบางของอารยธรรมอย่างที่ว่ามา
มันเกี่ยวกับองกรค์ทางอำนาจของสังคม ในบางสังคมจะมีองค์กรทางอำนาจที่มีความประสิทธิภาพ
ที่จะสามารถให้พวกเขาได้ในสิ่งได้พวกเขาต้องการและหยิบคว้าสิ่งที่พวกเขาอยากได้ ผมคิดว่าสภาวะที่ไม่สมดุลนี้จะเป็นตัวสร้างความขัดแย้ง
Sean Illing: เราเตรียมรับมันหรือยัง?
เหมือนว่าเราจะมีสถาบัน โครงสร้างและระบบของหน่วนงานที่จะจัดการกับปัญหาให้กับเรา
Harald
Welzer: ผมไม่คิดแบบนั้น ผมไม่คิดว่าเรามีการดำรงอยู่ของโครงสร้างการรักษาสันติภาพ
ที่จะสามารถค้ำอยู่ได้ภายใต้สภาวการณ์แบบนั้น เท่าที่ผมเห็นถึงจะมี แต่ที่ผ่านมาโครงสร้างพวกนั้นก็ไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจังเสียเท่าไหร่
หรืออาจจะมีความคืบหน้าเรื่องนี้อยู่บ้างในช่วงครึ่งทศวรรษที่ 20 ด้วยการใช้กฎหมายต่างประเทศ
สหประชาชาติหรือสถาบันอะไรแบบนั้น แต่ผมยังคงเชื่อว่ามันไม่เวิร์คเท่าไหร่
ที่เป็นกลไกลซึ่งจะป้องกันความรุนแรงจากความขัดแย้งได้สำเร็จ
Sean Illing: อย่างที่คำถามที่คุณได้ตั้งขึ้นในช่วงต้น
ๆ ของหนังสือของคุณ ซึ่งผมไม่คิดว่ามีคำตอบที่น่าพอใจ คำถามนั้นประมาณว่า
สังคมประชาธิปไตยซึ่งสร้างอยู่บนระบบของการเจริญเติบและกำลังผลิตที่ไร้ขีดจำกัด
จะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์แห่งการบ่อนทำลายที่มนุษย์มีกับกับธรรมชาติได้หรือไม่
Harald
Welzer: นี้คือคำถามที่ใหญ่ที่สุดในทศวรรษที่ 21 นี้คือความย้อนแย้งของสังคมเสรีนิยมประชาธิปไตยยุคใหม่
ที่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงชีวิตและเสรีภาพ ของผู้คนที่อยู่ภายใต้ระบบนั้น
ปัญหาคือมันเป็นระบบที่อิงอยู่กับแสวงหาผลประโยชน์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเรา
แล้วพวกเราก็ติดอยู่กับกระบวนทัศน์แบบนี้ ผมคิดว่าเราต้องการอะไรบางอย่างที่เป็นเหมือนทฤษฏีใหม่ในยุคสมัยใหม่
เราต้องการต้นแบบของสังคมที่สามารถจัดการกับปัญหาระบบนิเวศเหล่านั้นไว้บนโต๊ะ
แต่ตอนนี้ยังไม่มีมัน
-Z-
แปลและเรียบโดย Smanachan Buddhajak หมายเหตุบทความนี้เป็นการแปลและเรียบเรียงเพื่อความเข้าใจง่ายจึงไม่ตรงกับต้นฉบับทั้งหมด
อ่านฉบับเต็มได้ที่ How
climate change could lead to more wars in the 21st century (Sean Illing,
vox.com, 14/11/2017)
-สนับสนุนโดย-
